จริงหรือไม่ ?
ชุดนักเรียน-นักศึกษา อาจสามารถสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานความสวยงามของชาติหนึ่งๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นแตกต่างกันไป แต่ที่สร้างความฮือฮา เรียกคะแนนความสนใจได้มากที่สุด เห็นจะเป็นชุดเครื่องแต่งกายนักเรียน-นักศึกษาหญิงของไทย ที่เซ็กซี่เย้ายวน ขณะที่ ชุดนักศึกษาเวียดนาม อนุรักษ์วัฒนธรรม เครื่องแต่งกายที่ทรงเสน่ห์ชวนมอง
ชุดนักเรียน-นักศึกษา อาจสามารถสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานความสวยงามของชาติหนึ่งๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นแตกต่างกันไป แต่ที่สร้างความฮือฮา เรียกคะแนนความสนใจได้มากที่สุด เห็นจะเป็นชุดเครื่องแต่งกายนักเรียน-นักศึกษาหญิงของไทย ที่เซ็กซี่เย้ายวน ขณะที่ ชุดนักศึกษาเวียดนาม อนุรักษ์วัฒนธรรม เครื่องแต่งกายที่ทรงเสน่ห์ชวนมอง
สื่อจีน ได้นำเสนอชุดภาพเครื่องแบบชุดนักเรียน-นักศึกษา 5 ชาติ ได้แก่ ประเทศไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ
เริ่มต้นกันที่ ชุดนักศึกษาหญิงของไทยที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งยังคงเป็นหัวข้อถกเถียงว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ โดยนักศึกษาหญิงไทยสมัยนี้ส่วนใหญ่ จะสวมเสื้อเชิ้ตสตรีสีขาวรัดรูปฟิตเปรี๊ยะ เห็นส่วนสัดโค้งเว้าเย้านูน และใส่กระโปรงสีออกกลมท่าหรือดำ ไซส์มินิสั้นแค่คืบ ดูช่างวอนเพศรสดีแท้
กระแสความเซ็กซี่เย้ายวนของชุดนักศึกษาไทย มาแรงแซงโค้ง ล่าสุดเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์หลายฉบับของญี่ปุ่น ได้รายงานข่าวว่า จากผลการสำรวจประเมินเครื่องแบบนักเรียน-นักศึกษา ส่วนใหญ่ยกให้เครื่องแบบชุดนักศึกษาของประเทศไทยเป็นเครื่องแบบที่เซ็กซี่ที่สุด แม้ว่าจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม แต่ทว่า จากการสัมภาษณ์พบว่า นักศึกษาหญิงไทยส่วนใหญ่ ชอบที่จะแต่งกายในลักษณะดังกล่าว เพราะรู้สึกว่าทันสมัย
สำหรับชุดนักศึกษาที่มีเสน่ห์ชวนมองแบบอนุรักษ์ คือ ชุดนักศึกษาเวียดนาม "อ่าวหญ่าย"
ส่วนชุดนักเรียน-นักศึกษาหญิงของเกาหลีใต้ ซึ่งมีหลากหลายสไตล์ โดยทั่วไป มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ เสื้อเชิร์ตสตรีสีขาว กระโปรงจีบลายสก็อต และผูกเนคไทล์ หรือไม่ก็ผูกโบว์น่ารักๆ
ชุดนักเรียนญี่ปุ่นโดยทั่วไป ท่อนบนจะมีหลายสไตล์ ฤดูหนาวจะสวมใส่เสื้อโค้ทหรือเสื้อคลุมขนสัตว์ ขณะที่ ท่อนล่าง ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็เป็นกระโปรงสั้นตัวน้อย
การออกแบบชุดนักเรียนสไตล์แฟชั่น เป็นข้อได้เปรียบอันโดดเด่นของญี่ปุ่น อันทำให้ชุดดังกล่าวดูไม่ตกเทรนด์ จนถึงขนาดที่ว่า สตรีชาวญี่ปุ่น แม้จะอายุมากจนเป็นแม่คนแล้ว แต่ก็ยังคงไม่กล้าโยนชุดนักเรียนของตนทิ้ง และชุดนักศึกษาที่หาดูได้ยากของแดนโสมแดง ดูเรียบง่ายมาก มีสีหลักอยู่ 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีฟ้า ที่ดูละม้ายคล้ายสไตล์ชุดนักเรียนหญิงของประเทศจีนในช่วงยุคศตวรรษที่ 50-60
ชุดนักเรียน-นักศึกษา อาจสามารถสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานความสวยงามของชาติหนึ่งๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นแตกต่างกันไป แต่ที่สร้างความฮือฮา เรียกคะแนนความสนใจได้มากที่สุด เห็นจะเป็นชุดเครื่องแต่งกายนักเรียน-นักศึกษาหญิงของไทย ที่เซ็กซี่เย้ายวน ขณะที่ ชุดนักศึกษาเวียดนาม อนุรักษ์วัฒนธรรม เครื่องแต่งกายที่ทรงเสน่ห์ชวนมอง
สื่อจีน ได้นำเสนอชุดภาพเครื่องแบบชุดนักเรียน-นักศึกษา 5 ชาติ ได้แก่ ประเทศไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ
เริ่มต้นกันที่ ชุดนักศึกษาหญิงของไทยที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งยังคงเป็นหัวข้อถกเถียงว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ โดยนักศึกษาหญิงไทยสมัยนี้ส่วนใหญ่ จะสวมเสื้อเชิ้ตสตรีสีขาวรัดรูปฟิตเปรี๊ยะ เห็นส่วนสัดโค้งเว้าเย้านูน และใส่กระโปรงสีออกกลมท่าหรือดำ ไซส์มินิสั้นแค่คืบ ดูช่างวอนเพศรสดีแท้
กระแสความเซ็กซี่เย้ายวนของชุดนักศึกษาไทย มาแรงแซงโค้ง ล่าสุดเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์หลายฉบับของญี่ปุ่น ได้รายงานข่าวว่า จากผลการสำรวจประเมินเครื่องแบบนักเรียน-นักศึกษา ส่วนใหญ่ยกให้เครื่องแบบชุดนักศึกษาของประเทศไทยเป็นเครื่องแบบที่เซ็กซี่ที่สุด แม้ว่าจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม แต่ทว่า จากการสัมภาษณ์พบว่า นักศึกษาหญิงไทยส่วนใหญ่ ชอบที่จะแต่งกายในลักษณะดังกล่าว เพราะรู้สึกว่าทันสมัย
สำหรับชุดนักศึกษาที่มีเสน่ห์ชวนมองแบบอนุรักษ์ คือ ชุดนักศึกษาเวียดนาม "อ่าวหญ่าย"
ส่วนชุดนักเรียน-นักศึกษาหญิงของเกาหลีใต้ ซึ่งมีหลากหลายสไตล์ โดยทั่วไป มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ เสื้อเชิร์ตสตรีสีขาว กระโปรงจีบลายสก็อต และผูกเนคไทล์ หรือไม่ก็ผูกโบว์น่ารักๆ
ชุดนักเรียนญี่ปุ่นโดยทั่วไป ท่อนบนจะมีหลายสไตล์ ฤดูหนาวจะสวมใส่เสื้อโค้ทหรือเสื้อคลุมขนสัตว์ ขณะที่ ท่อนล่าง ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็เป็นกระโปรงสั้นตัวน้อย
การออกแบบชุดนักเรียนสไตล์แฟชั่น เป็นข้อได้เปรียบอันโดดเด่นของญี่ปุ่น อันทำให้ชุดดังกล่าวดูไม่ตกเทรนด์ จนถึงขนาดที่ว่า สตรีชาวญี่ปุ่น แม้จะอายุมากจนเป็นแม่คนแล้ว แต่ก็ยังคงไม่กล้าโยนชุดนักเรียนของตนทิ้ง และชุดนักศึกษาที่หาดูได้ยากของแดนโสมแดง ดูเรียบง่ายมาก มีสีหลักอยู่ 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีฟ้า ที่ดูละม้ายคล้ายสไตล์ชุดนักเรียนหญิงของประเทศจีนในช่วงยุคศตวรรษที่ 50-60
0 ความคิดเห็น: